เอเจนซีส์ – เจ้าหน้าที่ระดับสูงข่าวกรองสหรัฐฯ ส่งสารลับทางเคเบิลเตือนที่ตั้งกองบัญชาการของสำนักงาน CIA ทุกแห่งทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อแจ้งเตือนว่า มีปัญหาสายข่าวต่างชาติทำงานให้ CIA จำนวนหลายสิบรายถูกสังหาร จับกุม หรือทำให้ต้องคายความลับในช่วงไม่กี่ปีล่าสุด
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานวันนี้ (6 ต.ค.) ว่า สารลับสุดยอดทางเคเบิลที่ไม่ปกติถูกส่งแพร่กระจายออกไปยังที่ตั้งจุดต่างๆ ทั่วโลกของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ CIA ระบุว่า ในเวลานี้หน่วยต่อต้านการจารกรรมลับของ CIA กำลังสอบสวนเคสที่เกิดขึ้นจำนวนหลายสิบในช่วงไม่กี่ปีล่าสุดเกี่ยวข้องกับสายข่าวต่างชาติที่ทำงานจารกรรมให้สหรัฐฯ นั้นหากไม่ถูกสังหารก็ถูกจับกุม หรือถูกบีบบังคับให้ต้องคายความลับออกไป แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูล
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเคเบิลลับมีการระบุถึง “จำนวนตัวเลข” ที่แน่นอนของสายข่าวต่างชาติที่ถูกสังหารโดยหน่วยข่าวกรองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติที่มีการเปิดเผยขัดจากวัฒนธรรมของชุมชนข่าวกรองสหรัฐฯ ที่เคยกระทำมา หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ ชี้
และในการเปิดเผยยังได้เปิดเผยถึงตัวเลขของสายข่าวที่ถูกจับกุมเช่นกัน แต่ทว่าไม่ได้เปิดเผยไปถึงตัวเลขของสายข่าว CIA ที่เข้ากับฝ่ายศัตรูสหรัฐฯ โดยชี้ว่า ยังไม่มีข้อมูลที่สมบูรณ์ ซึ่งในบางครั้งที่สายข่าวหากถูกหน่วยงานข่าวกรองคู่อริเกิดจับตัวได้แต่ไม่มีการจับกุมแต่จะทำให้สายข่าวคนนั้นทำงานเป็นสายลับ 2 หน้าป้อนข้อมูลเท็จให้ CIA แทน โดยอดีตเจ้าหน้าที่ชี้ว่า “ปากีสถาน” มีความเชี่ยวชาญในสิ่งนี้เป็นอย่างมาก
เคเบิลลับชี้ให้เห็นว่า หน่วยงาน CIA ของสหรัฐฯ กำลังตกที่นั่งลำบากจากการที่ต้องว่าจ้างสายลับทั่วโลกสำหรับปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมที่มีความยากลำบาก ซึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาหน่วยข่าวกรองชาติฝ่ายตรงข้ามเป็นต้นว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน และปากีสถาน ได้พากันออกตามไล่ล่าสายข่าวของ CIA และมีอยู่หลายครั้งทำให้สายข่าวเหล่านั้นกลายเป็นสายลับ 2 หน้าไป
ยอมรับว่าการว่าจ้างสปายนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบากและมีความเสี่ยงสูง เคเบิลลับ CIA ชี้ว่าปัญหาการว่าจ้างสายลับเป็นปัญหาขององค์กรในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งรวมไปถึงทักษะและเทคนิคที่มีประสิทธิภาพต่ำ เชื่อแหล่งข่าวมากจนเกินไป ประเมินหน่วยงานข่าวกรองฝ่ายตรงข้ามต่ำจนเกินไป และเคลื่อนไหวในการว่าจ้างสายข่าวเร็วเกินไปโดยที่ไม่พิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยงด้านการต่อต้านทางจารกรรม ซึ่งเป็นปัญหาที่เคเบิลลับชี้ว่า ทำให้ปฏิบัติการอยู่เหนือความปลอดภัย
สายข่าว CIA จำนวนมากที่บีบบังคับให้ต้องคายความลับในไม่กี่ปีนี้ยังเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญที่เพิ่มมากขึ้นของชาติอื่นๆ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อต้านการจารกรรม เป็นต้นว่า การใช้เครื่องมือสแกนอวัยวะร่างกาย เช่น ลายนิ้วมือ ดวงตา หรือการใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า การใช้ AI และการใช้อุปกรณ์การแฮกเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ CIA เพื่อที่จะสามารถค้นหาสายข่าวของตัวเอง
นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า อดีตเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ปัญหาการเสียสายข่าวไปไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ทว่าการที่สำนักงาน CIA ต้องออกคำเตือนไปยังทุกสถานีของ CIA ทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นเร่งด่วนมากกว่าเป็นเข้าใจในวงกว้าง
คำเตือนในเคเบิลลับอ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ซึ่งได้เห็นระบุว่า มีเป้าหมายหลักไปที่กลุ่มเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานแนวหน้าซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในการว่าจ้างและการตรวจสอบคัดกรองแหล่งข่าวเหล่านี้ และได้เตือนให้เจ้าหน้าที่ผู้อ่านต้องให้ความสนใจไม่เฉพาะแค่การว่าจ้างแหล่งข่าว แต่ยังต้องให้ความสนใจรวมไปถึงปัญหาด้านความปลอดภัยรวมถึงการตรวจสอบสายข่าวที่ต้องการว่าจ้างและการหลบหลีกหน่วยงานข่าวกรองประเทศฝ่ายตรงข้าม
เหตุผลที่ต้องการส่งสารออกไปอ้างอิงจากแหล่งข่าวระบุว่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ CIA ปฏิบัติการหาวิธีการของตัวเองในการจัดการสายข่าวของตัวเองให้ดีกว่านี้
ทั้งนี้ ดักลาส ลอนดอน (Douglas London) อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ CIA และเป็นผู้แต่งหนังสือเปิดโปงที่ชื่อ “The Recruiter : Spying and the Lost Art of American Intelligence” ชี้ว่าในสมัยหลัง CIA นั้นหันไปทำปฏิบัติการใช้อิทธิพลเพื่อส่งผลและปฏิบัติการกึ่งทหารและกลายเป็นว่าปฏิบัติการจารกรรมตามแบบธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมที่ต้องพึ่งพาสายข่าวและเอเยนต์ผู้ควบคุมเป็นหลักต้องอ่อนแอลง
สารเคเบิลลับสัปดาห์ที่แล้วชี้ประเด็นลงไปว่า สำนักงาน CIA นั้นประมาทต่อหน่วยข่าวกรองฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไป เป็นความเชื่อที่คิดว่าทั้งเอเยนต์และทักษะและเทคนิคของตัวเองนั้นเหนือกว่าของคู่แข่ง แต่ทว่าผลจากการศึกษาแสดงให้รู้ว่า กลุ่มประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายของสหรัฐฯ นั้นมีทักษะและความสามารถในการตามล่าสายข่าว CIA เช่นเดียวกัน
เครดิต https://www.mgronline.com/around/detail/9640000099003