จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวัยเด็ก กำลังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณทั่วสหรัฐฯ และเวลานี้มีสัดส่วนคิดเป็นเกือบ 26% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด จากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(20ก.ย.) อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วอาการไม่หนัก และเสียชีวิตไม่ถึง 0.25%
สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริการายงานว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นสัปดาห์ที่พบเด็กติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น ด้วยจำนวน 225,978 ราย ลดลงเล็กน้อยจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ที่พบเด็กติดเชื้อ 243,373 คน
การเพิ่มขึ้นของเคสเด็กติดเชื้อ เกิดขึ้นในขณะที่นักเรียนมากมายกลับสู่ชั้นเรียน ทว่าเด็กๆเหล่านั้นยังไม่มีสิทธิ์ฉีดวัคซีน ปัจจุบันมีเพียงเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปเท่านั้นที่ได้รับอนุมัติให้เข้ารับวัคซีน ส่วนเด็กที่มีอายุต่ำกว่านั้นยังอยู่ระหว่างการศึกษา
พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับหนทางกันให้เด็กอายุน้อยปลอดภัยจากโควิด-19 จนกว่าจะอนุมัติใช้วัคซีนกับน้องๆหนูๆเหล่านี้ “หลังจากลดลงในช่วงฤดูร้อน เคสผู้ติดเชื้อเด็กเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ด้วยพบกว่า 925,000 รายในช่วง 4 สัปดาหลังสุด” สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริการะบุในถ้อยแถลง
เคสผู้ติดเชื้อเด็กรายสัปดาห์ที่รายงานเมื่อวันจันทร์(20ก.ย.) เพิ่มขึ้นมากว่า 215% นับตั้งแต่สัปดาห์ระหว่างวันที่ 22-29 กรกฏาคม โดยสัปดาห์นั้นพบผู้ติดเชื้อเด็กรายใหม่เพียง 71,726 ราย
จนถึงวันที่ 16 กันยายน พบเด็กมากกว่า 5.5 ล้านรายที่มีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจำนวนเด็กที่ล้มป่วยอาหารหนักหรือเสียชีวิตจากโควิด-19 ถือว่าน้อยมากๆหากเทียบกับประชากรวัยผู้หญ่ โดยในรัฐต่างๆที่รายงานอายุคนไข้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พบว่าคนไข้เด็กคิดเป็นราวๆ 1.6% ถึง 4.2% ของคนไข้โควิด-19 ทั้งหมดที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
ขณะเดียวกันในบรรดารัฐต่างๆที่รายงานอายุผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พบว่าเด็กมีสัดส่วนไม่ถึง 0.25% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และมีอยู่ 7 รัฐที่รายงานไม่พบเด็กเสียชีวิตจากโควิด-19 แม้แต่รายเดียว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ(ซีดีซี) รายงานว่าจนถึงวันอาทิตย์(19ก.ย.) มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีในสหรัฐฯ เสียชีวิตจากโควิด-19 ไปเพียง 548 ราย
พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ในนั้นรวมถึงแพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี ระบุว่าหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั้งหลายกำลังเร่งทำงานเพื่อให้มีวัคซีนตัวหนึ่งๆพร้อมสำหรับฉีดให้เด็กอายุน้อยในช่วงปลายปี
ส่วนนายแพทย์สกอตต์ กอตต์ลีพ บอร์ดบริหารของไฟเซอร์และอดีตคณะกรรมการของสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ(เอฟดีเอ) ระบุว่ากรอบเวลาอย่างเร็วที่สุดน่าจะเป็นในช่วงวันฮาโลวีน(31ตุลาคม)
เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอสก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน คาดหมายว่าไฟเซอร์จะมีข้อมูลวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5 ถึง 11 ปี พร้อมยื่นต่องสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯในช่วงปลายเดือนกันยายน “เอฟดีเอบอกว่าพวกเขาจะพิจารณาเรื่องนี้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ไม่ใช้เวลาหลายเดือน ในการตัดสินใจว่าพวกเขาจะอนุมัติวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบหรือไม่ ผมตีความว่าบางทีน่าจะใช้เวลา 4 สัปดาห์ หรือ 6 สัปดาห์”
อย่างไรก็ตามหากวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบได้รับอนุมัติแล้ว มันจะขึ้นอยู่กับทางครอบครัวจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนแก่บุตรหลานของพวกเขาหรือไม่ ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนของผู้มีสิทธิ์ในปัจจุบัน ยังคงห่างไกลจากจำนวนที่จำเป็นอย่างมากสำหรับชะลอหรือหยุดการแพร่ระบาดของไวรัส
เวลานี้มีเพียงแค่ 54.7% ของประชากรสหรัฐฯที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว จากข้อมูลของซีดีซี ในขณะที่เด็กช่วงอายุก่อนวัยรุ่นและพวกวัยรุ่นเป็นกลุ่มคนที่มีอัตราการเข้ารับวัคซีนต่ำที่สุดหากเทียบกับกลุ่มอื่นๆ
(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น / https://www.mgronline.com/around/detail/9640000093835)